วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

มุมมองธุรกิจ ต่อ เมือมหาสารคาม

จังหวัดมหาสารคามได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของภาคอีสาน จนได้รับขนานนามว่า “เมืองตักสิลา” เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามากที่สุดในภาคอีสาน อาทิ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม ฯลฯ มีนักศึกษารวมทั้งสิ้นกว่า 6 หมื่นคน


ทั้งนี้ทางจังหวัดเคยประเมินตัวเลขเม็ดเงินที่สะพัดจากกำลังซื้อนักศึกษามีมากกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี กระจายไปยังธุรกิจหอพัก บ้านเช่า ร้านอาหาร รถยนต์รับจ้าง สถานเริงรมย์ ค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาอีกมากมายที่ได้รับอานิสงส์

การลงทุนในท้องถิ่นโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์บริเวณใกล้ที่ตั้งสถาบันการศึกษามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักลงทุนทั้งในพื้นที่และต่างถิ่นทั้งรายเล็กรายใหญ่แห่ลงทุนก่อสร้างหอพัก บ้านเช่า อพาร์ตเมนต์กันคึกคัก ประเมินว่าในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม เขตเทศบาลตำบลขามเรียง และเขตเทศบาลตำบลท่าขอนยาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีผู้ประกอบการหอพัก บ้านเช่า อพาร์ตเมนต์เปิดให้บริการนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาไม่ต่ำกว่า 1 พันราย


ทำเลฮอต ถนนถีนานนท์Ž


ทิศทางการเติบโตของเมืองมหาสารคาม โซนที่ร้อนแรงมากที่สุดอยู่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 213 (ถนนถีนานนท์) หรือถนนเส้นมหาสารคาม-กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ “เทศบาลตำบลขามเรียง” พื้นที่คาบเกี่ยวกับ “เทศบาลตำบลท่าขอนยาง” อำเภอกันทรวิชัย ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหาสารคามแห่งใหม่ โดยบริเวณพื้นที่โดยรอบมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯหลายประเภท จับลูกค้ากลุ่มนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา ปัจจุบันราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว


ถนนเส้นนี้เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนพัฒนาอสังหาฯในพื้นที่และต่างถิ่นภายหลังจากที่มีการก่อสร้างห้างบิ๊กซี เป็นตัวจุดประกายทำให้ราคาที่ดิน 2 ฝั่งถนนถีนานนท์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียง 4-5 ปี เดิมที่ดินติดถนนใหญ่ราคา 4-5 ล้านบาท/ไร่ ปัจจุบันพุ่งขึ้นเป็น 10 ล้านบาท/ไร่


ขณะที่ตลอดสองฝั่งถนนกลายเป็นย่านธุรกิจ มีนักลงทุนทั้งรายเล็กในพื้นที่และรายใหญ่จากต่างถิ่นเข้ามากว้านซื้อที่ดินสร้างอาคารพาณิชย์ บ้านจัดสรร โรงแรม หอพัก อพาร์ตเมนต์


ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุกิจ” ลงสำรวจภาพรวมการลงทุนอสังหาฯตลอดสองฝั่งแนวถนนทางหลวง 213 ถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่กำลังมาแรง เริ่มจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (เดิม) ด้านที่ติดกับถนนถีนานนท์ ไปจนถึงสะพานข้ามลำน้ำชี เทศบาลตำบลท่าขอนยาง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร พบว่าตลอด 2 ฝั่งถนนมีอาคารพาณิชย์ที่สร้างเสร็จแล้วประกาศขาย และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ ไม่ต่ำกว่า 50 ยูนิต เคาะราคาขาย 4 ล้านบาทอัพ


นอกจากนี้ยังมีสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ของ ปตท.เปิดให้บริการถึง 2 แห่ง รวมทั้งศูนย์หอพักตักสิลานคร มูลค่าลงทุนกว่า 700 ล้านบาท สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ห้างโอเปงฮง โรงแรมยัวร์เพลส โรงแรมสยามธาราพาเลส บังกะโลริมชี ธนาคารออมสิน ห้างบิ๊กซี ห้างทีโอเอส ตลาดมือถือ หอพักธีรภัทรอพาร์ตเมนต์ และตลาดบ้านดินดำ เป็นต้น


ทุ่มสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชีใหม่


จากข้อมูลแขวงการทางจังหวัดมหาสารคามระบุว่า ถนนทางหลวงหมายเลข 213 (ถนนถีนานนท์) เป็นทางหลวงสายหลักของจังหวัดมหาสารคาม เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข AH 16 (อีสต์-เวสต์ อีโคโนมิก คอร์ริดอร์) ที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ รองรับการจราจรอีสานตอนเหนือ สภาพความเจริญของถนนสายนี้เริ่มส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจราจรตามมาในชั่วโมงเร่งด่วน จึงมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 213 ขึ้น


โดยใช้งบประมาณรวม 273 ล้านบาท แบ่งเป็น งานก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำชีและจุดกลับรถใต้คอสะพานใช้งบประมาณ 133 ล้านบาท และก่อสร้างถนนเป็น 6 ช่องจราจร ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรพร้อมทางลอดใต้ถนนใช้งบฯกว่า 140 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (ปี 2556-57) คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรที่คับคั่งตลอดสองแนวฝั่งถนนนี้ได้อีก ในอนาคตมีแผนปรับปรุงถนนสายนี้ไปจนถึง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ขนาด 4 ช่องจราจร ใช้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท

ทุนต่างถิ่นแจมเค้กอสังหาฯ


“สุนันทา แสนพินิจ” ดีเวลอปเปอร์ในพื้นที่ บอกว่า ถนนถีนานนท์มีนักลงทุนจากต่างถิ่นเข้ามาลงทุนเทียบอัตราส่วนเป็น 2 เท่าของนักลงทุนท้องถิ่น ปัจจุบันที่ดินติดถนนแทบจะไม่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันแล้ว เพราะมีที่ดินเปล่าเหลือน้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือกลุ่มทุนรายใหญ่ที่เข้ามากว้านซื้อไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงที่ราคาที่ดินยังไม่สูงมากนัก


ปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดินมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ก็มีนักลงทุนสนใจที่จะซื้อ เพราะยังมีความคุ้มค่าที่จะลงทุน เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนสายเศรษฐกิจเส้นใหม่ของมหาสารคามที่กำลังมาแรงบูมต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายปี แต่ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่าที่ดินในจังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี จึงเป็นเหตุจูงใจให้นักลงทุนต่างถิ่นแห่เข้ามาลงทุนจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมืองมหาสารคามแม้ไม่ใช่หัวเมืองใหญ่ของภาคอีสานตอนบน แต่ด้วยศักยภาพของกำลังซื้อที่มีอยู่จำนวนมหาศาล กลายเป็น “แม็กเนต” ให้กลุ่มทุนต่างถิ่นแห่เข้าไปลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และกำลังเผชิญปัญหาการจราจรและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ผลพวงจากการเติบโตของเมืองแบบก้าวกระโดดเป็น “โจทย์” ใหญ่ที่ต้องรีบหาทางแก้ไขเร่งด่วน…!!!



มุมมองธุรกิจ ต่อ เมือมหาสารคาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น